Freezy Trip: ออกเดินทางสู่ช่องแช่แข็ง Day1

Posted by in Life & Journey

 

สวัสดีปีใหม่กันอีกรอบค่ะ แม้ว่าจะล่วงเลยมาจะสัปดาห์แล้ว เรากลับมาจากทริปจีนได้ 3 วันแล้วค่ะ เหนื่อยจริงๆ (เหนื่อยกับการอัพรูปจริงๆ) กลัวว่าจะลืม และไม่มีเวลาเขียน เพราะเดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะไปเขมรต่อกับครอบครัวค่ะ ถ้าไปเขมรแล้ว เราไม่ได้เขียนทริปนี้จนจบแน่ๆ

เอาเข้าจริงๆ ของที่เราเขียนไว้ใน entry ก่อน ก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยค่ะ แต่ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเดิมเท่าไหร่ คราวนี้ไปแบบจัดเต็ม แบบไม่ค่อยอยากไปซื้ออะไรกลับด้วยค่ะ ไม่รู้จะซื้อเครื่องหนาวมากองไว้ที่บ้านทำไม เพราะยังไม่มีแพลนไปไหนหนาวๆ เลย เข้าเรื่องดีกว่า เดี๋ยวยาว

 

ออกจากประเทศแม่ สู่แดนมังกร

เราออกจากไทยคืนวันที่  27 ธันวาคมค่ะ ซึ่งเป็นคืนที่รถติดทั้งกรุงเทพฯ เราโชคดีที่จากบ้านไป สถานี BTS มันเป็นทางเข้าเมืองย้อนกับคนอื่นที่เค้าออกเมืองกัน เราเลยไป BTS ต่อ Airport link และถึงสนามบินได้ภายในเวลาชั่วโมงกว่าๆ เอง เราไปถึงเกือบๆ 4 ทุ่มแล้วค่ะ เราไปสายการบิน China Eastern Airline ซึ่ง check-in ที่แถว  U ก็ไปนั่งรอคนอื่นๆ เพราะเราแทบไม่รู้จักเพื่อนร่วมทริปเลย เลยใส่เสื้อลายสก๊อตสีแดง ให้เด่นๆ ไว้ จะได้หาง่ายๆ 55

สรุปว่า ทริปนี้มีคนไปทั้งหมด 14 คนค่ะ ตอนแรกเราเข้าใจว่า 10 คนเอง เยอะกว่าที่คิดว่าตั้งเกือบครึ่ง แนะ โดยมีพี่อ๋อง เป็นคนนำทริปนี้ค่ะ ที่เหลือก็เป็นพี่ๆ อีก 10 คน + น้องเอ็ม ที่อ่อนกว่าเรา และน้องนาโน เด็กน้อยอายุ 4 ขวบ ที่เป็นลูกของพี่อ๋องค่ะ น้องน่ารักมากๆเลย ส่วนคนที่ 13 คือน้องอ๊าฟ คนที่ชวนเรามาทริปนี้ คนสุดท้ายก็เราเอง (เอ๊ะ จะบอกทำไม)

 

 

หลังจากรวมพล แนะนำตัว และ Check-in เรียบร้อยก็เดินเข้าไปตรวจพาสปอร์ตค่ะ เดี๋ยวนี้ถ้าเป็นพาสปอร์ตไทยไม่ต้องเจอเจ้าหน้าที่แล้ว เค้าใช้เครื่องสแกนพาสปอร์ตเอาเลย เร็วดี (เค้าอาจจะเปลี่ยนนานแล้ว เพราะเราไม่ได้ออกต่างประเทศมาปีกว่าแล้วอ่ะ) เรามีเวลาเหลือมากมายค่ะ แถมเครื่องยังดีเลย์ไปอีกชั่วโมงนึง เราเลยไปหาที่นอนสักงีบในสนามบิน ไปเจอโซนเด็กเล่นไม่มีคนเลย เป็นเบาะนุ่มๆ ด้วย เลยแย่งเด็กนอนกัน 555 (นอนไปสักพักก็มีเด็กมาเล่น แต่ไม่ลุกล่ะ ง่วง ขอนอนเอาแรงก่อนล่ะ)

 

ชะโงกทัวร์ที่เซี่ยงไฮ้

เราต้องไปต่อเครื่องบินที่เซี่ยงไฮ้กันก่อนค่ะ จากสุวรรณภูมิ, กรุงเทพ ถึงสนามบินปู่ตง, เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ พอถึงลงเครื่องปุ๊ป เราก็ขอแยกตัวออกเพื่อเข้าไปดูเมืองเซี่ยงไฮ้กันเลย ซึ่งต้องรีบไปรีบกลับ เพราะมีเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนต่อเครื่องบินไปฮาร์บิ้น โดยมีเพื่อนคู่หูทริปนี้ของเรา, @aflingz (อ๊าฟ) ซึ่งเคยอยู่เซี่ยงไฮ้มาก่อน เป็นไกด์นำเที่ยวจำเป็น เพื่อนบอกว่าจะพาไปดู The Bund กัน เราไม่รู้จักหรอกค่ะ น้องพาไปไหนก็ไปกัน

 

 

จากสนามบินปู่ตง มีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ถ้าโชว์ boarding pass จะลดราคาได้ 20% ค่ะ จากเที่ยวละ 50 หยวน เป็น 40 หยวน โดยวิ่งแต่ 8 นาที ก็ถึงสถานีรถใต้ดินแล้ว เร็วมาก เราต่อรถใต้ดินไปลงสถานี People Square ค่ะ เพื่อเดินไปบน Nanjing Road โดยที่สุดปลายทางคือ The Bund อากาศที่เซี่ยงไฮ้ไม่สะอาดเลย จะบอกว่าแย่กว่ากรุงเทพก็อาจจะได้ เราได้กลิ่นควันตลอดเวลาค่ะ แต่วันที่เราไป สภาพอากาศไม่ดี เป็น smock ตลอด แทบมองไม่เห็นอะไร ยอดตึกสูงๆ อย่าหวังจะได้เห็นค่ะ เห็นแต่หมอก

ที่ People Square เราได้เจอเพื่อนอ๊าฟ ที่ทำงาน Google ที่เซี่ยงไฮ้ ช่วยนำทางอีกคน เพราะอ๊าฟจำทางไม่แม่นเท่าไหร่ เลยได้เห็นตึกสำนักงานเก่า Google ด้วย (ปัจจุบันพึ่งย้ายไปที่อื่น) ถนนหนานกิง เป็นถนนเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยที่เซี่ยงไฮ้ยังเป็นอาณานิคมอยู่ค่ะ เลยมีตึกสไตล์ยุโรปเยอะแยะมากมาย ถนนนี้เป็นถนนการค้า เป็นแหล่งช็อปปิ้ง และเป็นถนนคนเดินค่ะ

เดินกันไม่นานมาก เราก็มาถึง The bund ที่เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำ (เราเข้าใจว่าอย่างงั้นนะ) เป็นจุดที่เค้ามาชมวิวเมืองเซี่ยงไฮ้กัน ฝั่งตรงข้ามจะเห็นหอ ที่เค้าไว้ส่งสัญญาณโทรทัศน์ ซึ่งวันที่เรามาอากาศแย่มาก มองอะไรแทบไม่เห็นเลย (เสียใจ T^T)

 

 

รอบๆ The Bund กว้างใหญ่สวยงามดีค่ะ ถ้าอากาศดีกว่านี้คงสวยมากๆ เราเก็บภาพกันแบบไวๆ เพราะต้องรีบกลับไปต่อเครื่องบินไป ฮาร์บิ้น ขากลับเรากลับจากอีกสถานีนึง เพราะว่า ใกล้กว่าค่ะ เพราะไม่ต้องเดินเข้า Nanging Road อีกรอบ เราไปถึงสนามบินทันเวลา check-in พอดีๆ มีเวลาให้เปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมอุปกรณ์สู้อากาศหนาวที่ฮาร์บิ้น

 

รอต่อเครื่องบินอย่างไร้จุดหมาย

เครื่องบินดีเลย์ค่ะ แถมเป็นดีเลย์แบบไม่บอกด้วยว่า นานเท่าไหร่ เรามานอนรอเครื่องบินกันตั้งแต่บ่ายโมงค่ะ รอไปเรื่อยๆ กว่าเครื่องจะออกจริงๆ บ่าย 4 โมงครึ่งโน่นค่ะ (กำหนดการณ์จริงๆ บ่าย 2 และควรจะถึงฮาร์บิ้นตอน 5 โมงเย็น) เป็นการรอแบบไร้จุดหมาย มีเพียงร้าน family mart ที่เป็นแหล่งเสบียงระหว่างรอ กับเก้าอี้เอาไว้นอนเอาแรงเท่านั้นเอง

ถ้าใครคิดจะมาจีนแล้วต้องต่อเครื่องบิน แนะนำให้เผื่อเวลาทรานซิสเอาไว้เยอะๆหน่อย และอย่าลืมซื้อประกันการเดินทางด้วย เพราะโอกาสเครื่องยกเลิกค่อนข้างเยอะทีเดียว เราโชคดีค่ะ พี่อ๋อง คนนำทริปนี้ เค้าทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหา แม้ว่าท้ายที่สุดเราจะไม่ได้ใช้ประกันที่ซื้อไว้ แต่ก็อุ่นใจค่ะ

 

หนาวนี้ที่รอคอย

ในที่สุดเราก็ลงที่สนามบินที่ฮาร์บิ้นค่ะ ตอนนี้เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ลงจากเครื่องสิ่งแรกที่เห็นคือ น้ำแข็ง กับหิมะค่ะ เต็มไปหมดเลย โอ้วววว เราไม่เคยเห็นหิมะเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ตื่นเต้น ตอนเดินออกจากเครื่องบิน ตรงทางเดินมีน้ำแข็งเกาะตามผนังด้วย มันจะหนาวอะไรได้ขนาดนี้

ความรู้สึกแรกที่เจออากาศหนาวระดับ -18 องศา (อุณหภูมิช่วงที่ไปมันร้อนขึ้นมาหน่อยนึง ปกติ มันจะ -25+ ค่ะ ตอนกลางคืน) หนาวมากกกกก โอ้ววว หนาวทะลุทะลวงเข้าถึงข้างในจริงๆค่ะ ตัวเรายังไหวค่ะ แต่ขา กับเท้า แค่เดินไม่กี่นาทีไปขึ้นรถที่โรงแรมส่งมารับ ก็หนาวมาก แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน

เรานั่งรถไปโรงแรมกัน นั่งกันเบียดๆ เพราะคนเยอะ ของก็เยอะ แต่ก็ไม่หายหนาวค่ะ คนรถเค้าคุยกับน้องอ๊าฟ ที่พูดจีนได้ เค้าบอกว่า พวกเราใส่เสื้อผ้ากันน้อยไป ก็คงจริงค่ะ นี่เรายังมีอีก ยังไม่ได้จัดเต็ม 100 กันทั้งกรุ๊ปเลยค่ะ พรุ่งนี้คงต้องจัดเต็มกันจริงๆ จังๆ ระหว่างทางนั่งรถไปโรงแรม ก็เห็นเมืองโดยรอบค่ะ เมืองนี้คล้ายแถบยุโรปมากๆ ทั้งตัวตึก และลักษณะผังเมือง ยิ่งเค้าติดไฟประดับตามตึกกันแทบทั้งเมือง ก็ดูสวยงามตาดีค่ะ ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ จุดนี้

 

ฟาสฟู้ด อาหารช่วยชีวิตยามยาก

ในที่สุดก็มาถึงโรงแรม Ibis ที่พักเราอยู่กลางย่านท่องเที่ยว เดินไปเที่ยวได้แทบทุกที่เลยค่ะ พวกเราจัดแจง Check-in ห้อง และเปลี่ยนชุด ให้จัดเต็มมากกว่าเดิม แล้วออกไปหาอะไรกินกัน เพราะหิวมาก จะ 4 ทุ่มแล้ว ยังไม่มีอาหารกระแทกท้องเลยตั้งแต่ 4 โมงเย็น บนเครื่องก็แจกแต่ขนมกินเล่น ไม่อยู่ท้องเลย

เดินออกไปในเมือง ตอนนี้เค้าปิดไฟประดับกันแล้ว ดูมืดๆ สลัวๆ ไม่มีคนเลยค่ะ แล้วจะหาร้านอาหารได้มั้ยเนี่ย ร้านส่วนใหญ่ก็ปิดกันหมดแล้ว ถามเจ้าหน้าที่โรงแรมเค้าก็ว่า มันปิดไปหมดแล้ว เค้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีร้านไหนให้กินบ้าง เราเดินไปในเมืองเรื่อยๆ ค่ะ หนาวก็หนาว แต่ก็หิวมากเหมือนกัน ไปเจอร้าน Pizza Hut ที่กำลังจะปิด เค้าบอกให้เดินไปอีกนิด จะเจอ KFC ค่ะ ยังเปิดอยู่ โอ้ววว สวรรค์ มีอะไรให้กินแล้ว

 

 

ดึกยามนี้มีแต่ร้านฟาสฟู้ดจริงๆค่ะ ในร้านก็มีคนอยู่ 4-5 โต๊ะ คาดว่า เป็นร้านเดียวในแถบนี้ที่ยังเปิดอยู่หลัง 4 ทุ่ม เราสั่งอาหารกันแบบว่า เหลืออะไรก็เอามาเหอะ หิวมากจริงๆ ข้าวของ KFC จีนให้เยอะมากค่ะ เราแบ่งกินกับอ๊าฟ 2 คนก็อิ่มพอดีๆ (ในขณะที่ข้าวที่ขายในไทย จานเดียวเรากินไม่อิ่ม) คราวนี้เป็นครั้งแรกที่สั่งไมโลร้อนใน KFC รสชาติเหมือนๆ บ้านเราแหละ แต่อยากดิื่มอะไรร้อนๆ แค่นั้นเอง เพราะหนาวมากกกกก

พอท้องอิ่มก็เริ่มมีพลัง และอารมณ์เดินเที่ยวเมืองชิวๆ อีกนิดค่ะ เราเปลี่ยนทางเดินกลับโรงแรมเป็นอีกเส้นนึง ที่ไม่ได้อ้อมอะไร (ถ้าอ้อมคงไม่ไหว เพราะหนาว) ระหว่างทางก็ไม่เจอผู้เจอคนเหมือนขามาเลย ชีวิตที่นี่เหมือนหยุดตั้งแต่ตอนหัวค่ำ แล้วมีชีวิตชีวาอีกทีตอนรุ่งสางค่ะ

 

นอนให้เต็มอิ่ม พร้อมลุยกับความหนาวในวันถัดไป

เหนื่อยมากค่ะสำหรับวันนี้ เพราะเราแทบไม่ได้นอนเลย ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ได้มีที่พักอุ่นๆ ได้กินอาหารอิ่มท้อง ที่เหลือก็หลับให้เต็มที่ค่ะ พรุ่งนี้ออกไปสู้กับความหนาวกันต่อ ตอนนี้ยังตื่นเต้นอยู่ค่ะ ยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเจอกับความหนาวแบบไหน จะต่างกับคืนนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ค่ะ รู้แต่ว่า ต้องจัดเต็มค่ะ ไม่งั้น คงเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ

 

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ปล. เราพยายามเขียนให้กระชับนะคะ ถ้าให้เขียนจริงๆ คืนนึงคงไม่จบแน่ๆ เหมือนตอนที่เคยเขียนไปพม่า วันๆ นึง แทบเอาไปเขียนนิยายได้เลย