Freezy Trip: การเดินทางสู่ช่องแช่แข็ง

Posted by in Life & Journey

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาต่างจากปกติไปซะหน่อย มาเขียนเรื่องเที่ยว เดือนที่ผ่านมาไม่ได้มาเขียนอะไรเพิ่ม (ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะเขียน) เพราะมัวแต่เตรียมตัวไปทริปนี้นี่แหละค่ะ แถมยังมีทริปไปเที่ยวแบบไม่ขาดสาย ตั้งแต่ต้นธันวา ยันปลายมกราเลยทีเดียวค่ะ เรียกได้ว่า งานนี้ถ้างานไม่กองท่วมหัว ก็โดนไล่ออกแน่ๆ (ไม่น้าาา)

เราไม่พูดถึงทริปอื่น มาพูดถึงทริปนี้ดีกว่า อ่านหัวข้อคงจะพอเราได้ว่า เรากำลังจะไปเมืองอะไร? เป็นเมืองใหญ่ ที่หนาวที่สุดของจีน และของโลกด้วย Harbin นั่นเอง ทริปนี้เราไปจอยทริปกับคนอื่นเค้าค่ะ ทั้งทริป 9-10 คน เรารู้จักอยู่คนเดียวในนั้น 555 เราไม่ซีเรียสค่ะ ก็ดีได้เจอคนใหม่ๆ บ้าง ออกจากสังคมคน IT บ้าง ก็น่าสนุกดีค่ะ

 

จุดเริ่มต้นของทริปแช่แข็ง

ทริปนี้เริ่มเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาค่ะ น้องที่ไปด้วยกัน มาชวนบอกว่า “พี่ ไปเที่ยวฮาร์บิ้นกันมั้ย หนาวมาก ไปดูเทศกาลน้ำแข็ง และหิมะกัน อากาศหนาวโคตรๆ” ฟังแล้วหูพึ่งเล็กๆค่ะ ตอนนั้น เราก็โดนน้องตะล่อมไปครึ่งชั่วโมงค่ะ ตัดสินใจโทรบอกแม่ว่า “สิ้นปีไปเที่ยวจีนนะแม่ สัปดาห์นึง” (ไม่ได้ขอนะคะ แค่แจ้งทราบ) เรียบร้อยค่ะ ตัดสินใจไปเมืองที่ไม่เคยรู้จักเลย มีข้อมูลแค่ คำบอกเล่าจากน้องที่มาชวน เรานี่ใจง่ายจริงๆ

 

ทำไมเราถึงไป

  • เหตุผลหลัก “อยากไปเจออะไรหนาวๆ โหดๆ สักครั้งก่อนแก่”
  • เหตุผลรอง “ถ้าไม่ไปคราวนี้ คราวหน้าไม่รู้่ว่าจะมีอีกมั้ย”

ตอนตัดสินใจเราคิดแต่เหตุผลหลักค่ะ อยากไป แค่นี้แหละ ส่วนเหตุผลรองมันเหมือนอยู่ในจิตใต้สำนึกมากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่า พี่น้องเราเคยอยู่ในเมืองหนาวจัดๆ มากันแล้วทั้งนั้น แม่ก็บอกบ่อยๆ ว่าไม่เอา ไม่อยากเจอหิมะ เราเลยคิดได้ว่า เอาวะ ถ้าไม่ไปคราวนี้ จะหาโอกาสอีกครั้งคงลำบาก เรื่องเงินก็ไม่ใช่ประเด็น เรื่องเวลาก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา ไปเลยละกัน
 
แต่เราไม่ได้ไปเพราะอยากเห็นหิมะนะคะ เคยเห็นแล้ว เคยเดินเหยียบหิมะตกใหม่มาแล้ว ชอบมากค่ะ รอบนี้อยากเจอหนาวๆ โหดๆ จริงๆ ค่ะ ขอสักครั้งเหอะ

 

เตรียมตัวเข้าช่องแช่แข็ง

หลังจากนั้นก็แทบลืมไปเลยค่ะว่ามีทริปนี้อยู่ เพราะตั้งครึ่งปีแนะกว่าจะไป จนมาตื่นเต้นอีกรอบตอนที่ต้องขอวีซ่าจีนนี่แหละค่ะ ไม่ได้ขอวีซ่ายากอะไรหรอกค่ะ แค่ตื่นเต้นเรื่องเครื่องกันหนาวที่ต้องขนไป เพื่อเอาชีวิตรอดจากช่องฟรีสธรรมชาตินี้มากกว่า
 
เราโชคดีที่มีพี่ชายตัวเล็ก (และเราอ้วนค่ะ) เราเลยใช้เสื้อขนเป็ด สเว็ตเตอร์ กางเกงวอร์มหนา ของพี่ชายได้ แต่ก็เหลืออะไรที่ต้องซื้อเองอีกไม่น้อยค่ะ เช่น เสื้อคอเต่า ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า และลองจอน หลักๆ ก็หมดไปกับรองเท้า และเสื้อ Heatech ของ Uniqlo นี่แหละค่ะ ยังดีที่จัดคูปอง Uniride มาได้หลายใบ รวมกับซื้อตอนมีโปรโมชั่น ประหยัดงบได้เยอะเลยค่ะ

สรุปรายนามเครื่องกันหนาวที่เอาไป

  • เสื้อแจ็คเก็ต Eddie Bauer ขนเป็ด สีดำ ไม่มีฮู้ด (แย่ตรงนี้แหละค่ะ)
  • เสื้อ Hoodie ของพี่ชาย สีน้ำเงินแป๊นแร้น
  • เสื้อ Heatech 3 ตัว เป็น คอเต่า 2 ตัว คอกลมตัวนึง
  • เสื้อกล้ามรัดรูป เอาไว้เปลี่ยนใส่ข้างใน
  • กางเกงยีนส์หลวมๆ
  • เลคกิ้งบุขนสัตว์ + เลคกิ้งธรรมดา เอาไว้สวมทับกัน
  • ถุงเท้าหนา wool
  • รองเท้าเดินป่า waterproof ของ columbia
  • เสื้อ sweater เป็นขนแกะ 100% ของพี่ชาย สีน้ำเงิน
  • หมวกไหมพรมสีแดง + หมวกไหมพรมไว้ใส่ข้างใน อันนี้เป็น thinsulate (ซื้อมาจาก outlet เกาหลี 50 บาท ถูกมาก)
  • ถุงมือกันลมกันหนาว คู่นึง
  • ผ้าพันคอสีกาแฟ นุ่มๆ อุ่นๆ

 
เท่าที่ดูจุดอ่อนเราคือ ขากับเท้าค่ะ ขาเราไม่ค่อยกลัวค่ะ แต่กลัวเท้ามาก (เราเป็นพวกเท้าเย็นง่ายด้วยค่ะ) เราเลยไปซื้อแผ่นแปะความร้อนมา กะว่าเอามาแปะเท้า เห็นเค้าว่า เท้าอุ่น มีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ เหอๆ – -” ของให้มันช่วยได้จริงๆนะ
 
เราตื่นเต้นมาก บ้าเห่อทริปนี้ จนลองเอาเสื้อผ้ามาใส่ดูจริงๆ ว่าทนได้มั้ย การลองใส่ก่อน ทำให้รู้ว่า เราควรเปลี่ยนเอาเสื้อตัวไหนไปแทนตัวไหนดีค่ะ เพราะยิ่งใส่หลายชั้น เสื้อนอกก็ต้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วย รวมไปถึงน้ำหนักของเสื้อผ้า และความอึดอัดตอนใส่ เรารับได้หรือเปล่า เราเองก็เกือบจะไปซื้อกางเกงยีนส์ใหม่แล้วค่ะ เพราะที่ใส่ประจำมีแต่ขาเดฟ มันใส่ทับเลคกิ้งหนาไม่ได้ แถมยีนส์ตัวเก่าๆ ที่ใหญ่ๆ มันขาบานมาก ไม่เวิร์ค สุดท้ายค้นเจอกางเกงยีนส์ตัวที่เคยใส่ตอนที่อ้วนกว่านี้มาได้ หลวมกำลังดีเลย โชคดีที่เคยอ้วน (กว่านี้) ค่ะ ^_^
 

ทริปนี้ไปไหนบ้าง

ลืมบอกว่าเราจะไปไหนบ้าง เราบินจากไทย ไปเซี่ยงไฮ้ ต่อเครื่องบินไปฮาร์บิ้นเลยค่ะ ไปดูเทศกาลน้ำแข็ง เล่นหิมะ ทนอากาศหนาว ส่งท้ายปี จากนั้นก็นั่งรถไฟ จากฮาร์บิ้น ไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่ง ไปเที่ยวที่ดังๆ ตามที่คนส่วนใหญ่เค้าไปกัน คือ จตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม กำแพงเมืองจีน พระราชวังฤดูร้อน จากนั้นก็บินมาต่อเครื่องบินที่เซี่ยงไฮ้ และกลับไทยค่ะ ตามนี้เลยค่ะ

ที่ที่เราชอบคือ ได้นั่งรถไฟตู้นอน จากฮาร์บิ้นมาปักกิ่งค่ะ เราชอบรถไฟค่ะ เป็นยานพานะ ที่เสียงดัง ช้า และมีเสน่ห์ค่ะ เด็กๆ จะไว้นั่งกลับบ้านทางใต้บ่อยๆ ค่ะ แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้นั่ง เพราะมันเสียเวลา

อ้อ ลืมบอกค่ะ เรากำลังจะออกเดินทางพรุ่งนี้ค่ะ ถึงฮาร์บิ้นวันที่ 28 ธ.ค. เย็นๆ และกลับมาถึงไทยวันที่ 3 ม.ค. ตอนพึ่งข้ามวันค่ะ ตอนนี้กำลังตื่นเต้นมากๆ เก็บกั้นความตื่นเต้นไม่ไหว เลยมาเขียนบล็อคนี่แหละค่ะ 55 เคาท์ดาวน์ปีนี้ เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ที่เคาท์ดาวน์ ที่ต่างประเทศค่ะ อ๊าาาา ตื่นเต้น

 

หาข้อมูล แผนที่ ที่เที่ยว

จริงๆ ทริปนี้ เราไม่ต้องหาข้อมูลอะไรไปเลยก็ได้ค่ะ เพราะมีคนแพลนทริปให้เสร็จสรรพ เราแค่จ่ายเงิน เตรียมสัมภาระส่วนตัว และเอาตัวไปก็พอค่ะ แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีอะไรดีกว่า การได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว เราเลยนั่งปักหมุด ที่ที่จะไป และอยากไป สถานีรถไฟ สนามบิน โรงแรม ที่ช็อปปิ้ง ไว้เรียบร้อย แล้วก็ปริ้นออกมาเป็นกระดาษใบๆ นี่แหละค่ะ ขนไปด้วย

จากนั้นก็นั่งเช็คอุณหภูมิของเมืองที่จะไป ไปเรื่อยๆค่ะ ยิ่งเห็นตัวเลขลดลง ก็ยิ่งตื่นเต้น ปนกับความกลัวว่า จะเอาชีวิตรอดได้มั้ยน้า แล้วก็ยิ่งเครียดกับเครื่องหนาวที่จะเอาไปค่ะ จะพอมั้ยน้า จะหนาวแค่ไหนกัน จะทนได้มั้ย จะรอดมั้ย คำถามพวกนี้ วนเวียนในหัวตลอดค่ะ

อุณหภูมิช่วงที่เราไปฮาร์บิ้นค่ะ มันอุ่นขึ้นมานิดนึง แต่ก็หนาวอยู่ดีค่ะ

 

Gadget ที่ติดตัวไป

เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญค่ะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ถึงจะมีประโยชน์ แต่เปราะบางค่ะ เราแอบเสียใจเล็กๆ เพราะพึ่งซื้อกล้อง mirrorless มาตัวนึงกะเอาไปทริปนี้แหละค่ะ ตอนซื้อไม่ได้รู้เรื่องนี้แต่อย่างใด แต่พอไปหาข้อมูลพบว่า มันทนหนาวไม่ได้ขนาด -30 ค่ะ เศร้ามาก มีคนเคยเอาไป แล้วกล้องดับ กู่ไม่กลับอีกเลยค่ะ ไม่อยู่ในประกันด้วย กลัวกล้องพังค่ะ เลยเปลี่ยนใจเอากล้องกันกระแทก กันน้ำ กันอากาศหนาว แต่ถ่ายยาก และสวยน้อยกว่าไปแทนค่ะ

เรื่องมือถือ ก็สำคัญค่ะ เราใช้ iPhone 4s อยู่ ซึ่งหาข้อมูลแล้ว พบว่า ไร้ประโยชน์ ที่ฮาร์บิ้นค่ะ หนาวจนเครื่องดับ แต่ถึงมันจะใช้ได้ ก็คงจะใช้ลำบากแหละค่ะ เพราะใส่ถุงมือมัน touch จอไม่ได้ ต้องซื้อถุงมือแบบที่ทำมาให้ใช้กับมือถือ แต่ก็นั่นแหละค่ะ มันหนาวจนไม่มีใครเค้าเอามือออกมาเล่นมือถือนอกกระเป๋าเสื้อค่ะ จบข่าว!! (แต่ก็เอาไปนะ)

สุดท้ายสรุปว่า เอาแผนที่เป็นกระดาษไปค่ะดีสุด ใส่ถุงมือก็หยิบดูได้ ไม่ต้องเสี่ยงแบทหมดเพราะอากาศหนาวด้วย 55 ทริปนี้เราเลยมี สมุด ดินสอ และแผนที่ เป็น Tablet ของเราค่ะ

 


เราตื่นเต้นมากๆ ค่ะตอนนี้ ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง ตื่นเต้น ดีใจ กลัว มันปนๆ กัน ทุกครั้งก่อนไปเที่ยว เรามักกังวลและกลัวเสมอค่ะ ว่าจะสนุกมั้ย จะเป็นแบบที่คิดมั้ย เราจะไปได้ตลอดรอดฝั่งมั้ย บลาๆ เยอะแยะไปหมดค่ะ เค้าว่าคนเลือดกรุ๊ปโอ เป็นคนคิดมากเนี่ย คงจริงแหละค่ะ 555 แต่ถึงจะกังวลยังไง เราก็ยังอยากไปค่ะ ความอยากชนะความกังวล ความกลัวได้ ก็ไปได้ทุกที่ค่ะ

เราแทบไม่เคยเขียนบันทึกการเดินทาง ก่อนไปทริปเลยค่ะ มีแต่เขียนหลังไปตลอด น่าสนุกดีค่ะ รอดูว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ กลับมาจากทริปแล้ว จะสนุก น่าตื่นเต้น เหมือนที่รู้สึกตอนนี้หรือเปล่า ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

 

สุดท้ายนี้

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกๆ คน