ITALIAdaSola – ep.1 บิน คนเดียว ครั้งแรก

Posted by in Life & Journey, Travel

สวัสดีค่ะ มาเริ่มกันดีกว่ากับการเดินทางไปประเทศอิตาลีในทริปล่าสุดของเรา เราจะสรุปเรื่องราวๆ คร่าวๆ ให้ฟังก่อนค่ะว่า แผนการเดินทางทั้งหมด เป็นอย่างไรบ้าง

แผนการเดินทาง

Trip Plan

  • วันที่ 4 เมษา: บินจากกรุงเทพฯ -> โฮห์จิมินห์ สายการบิน Jet Airways
    ต่อเครื่องบิน จาก โฮห์จิมินห์ -> Abu Dhabi -> Milan สายการบิน Etihad
  • วันที่ 5 เมษา ถึงมิลานตอนเช้าตรู่ ต่อเครื่องสายการบิน EasyJet จาก Milan -> Catania (Sicily)
    ถึง Catania เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง แฟมมิลีมารับที่สนามบิน
  • วันที่ 6-12 เมษา อยู่กับแฟมมิลี่ที่ Caltanissetta
  • วันที่ 13 เมษา ลาแฟมมิลี่ แล้วนั่งรถบัสจาก Caltanissetta -> Catania -> Syracuse นอนที่ Syracuse 1 คืน
  • วันที่ 14 เมษา เที่ยว Syracuse ช่วงเช้า บ่ายนั่งรถบัสจาก Syracuse -> Catania นอนที่ Catania 1 คืน
  • วันที่ 15 เมษา เช้าบินจาก Catania -> Pisa สายการบิน Alitalia ถึง Pisa ประมาณเที่ยง ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟแล้วเที่ยว Pisa
    นั่งรถไฟจาก Pisa -> Florence ตอนเย็น พักที่ Florence 2 คืน
  • วันที่ 16 เมษา เที่ยวใน Florence
  • วันที่ 17 เมษา นั่งรถไฟความเร็วรอบเช้าจาก Florence -> Venice ถึง Venice นอนที่ Venice 1 คืน
  • วันที่ 18 เมษา เช้าเที่ยวใน Venice เที่ยงนั่งรถไฟจาก Venice -> Milan ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ แล้วเข้าไปเที่ยว Milan เล็กน้อย
    6 โมงเย็นนั่งรถไฟไปสนามบินเพื่อบินกับไทยตอน 4 ทุ่ม จาก Milan -> Abu Dhabi -> กรุงเทพฯ สายการบิน Etihad
  • วันที่ 19 เมษา ถึงกรุงเทพฯ เวลาหัวค่ำ

พาร์ทนี้เราจะเล่าถึงแค่ช่วงที่เราเดินทางไปอิตาลีนะคะ เป็นการบินข้ามประเทศครั้งแรกที่บินคนเดียว แถมยังเปรี้ยวต่อเครื่องบิน 4 ต่อ แบบเผื่อเวลาต่อเครื่องไม่นานมาก 2-4 ชั่วโมง สำหรับเราได้เรียนรู้อะไรเยอะดีค่ะ เราขอตัดแค่นี้ เพราะมันจะยาวไป แล้วพาร์ทหน้าเราจะเป็นช่วงที่เราอยู่กับแฟมมิลี่ค่ะ จะเน้นชีวิตคนอิตาลีใต้เป็นหลัก

ใครอยากรู้ว่าเราเตรียมตัวยังไงก่อนเริ่มทริปนี้ ไปอ่าน ITALIAdaSola Part0 ก่อน ออก ตัว กันก่อนได้ค่ะ

บินข้ามประเทศคนเดียวครั้งแรก

จุดที่เรากังวลมากที่สุดในการเดินทาง คือ กลัวตกเครื่องบินค่ะ 55 เราเลยหวั่นๆ กับการต่อเครื่องบินพอสมควร เราเผื่อเวลา Transit เครื่องที่แรกโฮห์จิมินห์ 3 ชั่วโมง ที่ Abu Dhabi 2 ชั่วโมง และที่ Milan 3 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งถือว่าไม่ได้เยอะเลย แต่เราก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาเครื่องดีเลย์นานๆ ค่ะ

IMG_8724

เราเดินทางไปถึงสุวรรณภูมิแต่เนิ่นๆ พอไปถึงสรุปว่าอ้าว เครื่องไฟล์ทแรกที่บินไปโฮห์จิมินห์ดีเลย์ไป 40 นาที เราเลยถามพนักงานที่เคาท์เตอร์ว่า ทำไมถึงดีเลย์ สรุปว่าดีเลย์เพราะมีการเปลี่ยนเครื่องบินตั้งแต่ไฟล์ทเช้า เลยทำให้ดีเลย์ลูกโซ่มาจนถึงไฟล์ทบ่าย โอเค มันคงไม่ดีเลย์กว่านี้ล่ะ เรายังพอมีเวลาต่อเครื่องที่โฮห์จิมินห์สัก 2 ชั่วโมง ยังไม่เสียหายนัก

ตอนเช็คกระเป๋าพนักงานถามว่า ไปยุโรปหรือเปล่า เราก็งงว่ารู้ได้ยังไง เพราะเราจองแยกจากตั๋วของ Etihad ที่บินจากโฮห์จิมินห์ไป Milan สรุปว่า คงมีคนไทยบินแบบเราเยอะค่ะ พนักงานของ Jet Airways ก็บริการดี เค้าบอกว่า สามารถ Check through กระเป๋าเราไปถึง Milan ได้เลย ไม่ต้องเข้าประเทศเวียตนามอีก โอ้วดีจัง เราเลยได้ bording pass มารวดเดียวเลย 3 ใบ

ต่อเครื่องที่โฮห์จิมินห์

SGN - Ho Chi Minh

เครื่อง Jet Airways ถึงสนามบินที่โฮห์จิมินห์ตอนฟ้ามืดแล้ว เราลงจากเครื่องมาหา Transfer Desk เพื่อถามทางไปต่อเพราะหาไม่เจอ เลยได้เจอคนไทยที่มาต่อเครื่องไป Flight เดียวกับเราอีก 3-4 คนค่ะ ทางเดินต่อเครื่องที่สนามบินที่นี่เป็นประตูเก่าๆ เล็กๆ ที่ถ้าพนักงานไม่ชี้ให้เดินเข้าไป ก็คงไม่กล้าเข้า 555 หลังจากตรวจความปลอดภัยทุกอย่างแล้ว เราก็เข้าไปนั่งรอในเกทต่อค่ะ

เรานั่งชาร์ทแบตอยู่หน้าเกทเลย สักพักก็เห็นคนไทยกลุ่มที่มาพร้อมเราเค้าเดินไปคุยกับพนักงานที่เคาท์เตอร์ เราคิดว่า สงสัยต้องมีปัญหาแน่ เลยเก็บของเดินไปแจมด้วย สรุปว่าเราต้องเปลี่ยน boarding pass ด้วยค่ะ โอ้วว ความรู้ใหม่ คือต้องเปลี่ยนไปใช้ของ Etihad โชคดีมากค่ะที่นั่งอยู่หน้าเกท แล้วเห็นคนไทยเค้าไปเปลี่ยนกัน เราเลยเปลี่ยนมาได้เรียบร้อย พนักงานบอกว่า อีกใบต้องไปเปลี่ยนอีกรอบที่ Abu Dabhi

ต่อเครื่องที่ Abu Dhabi ใน 20 นาที

IMG_8859

เครื่องบิน Etihad บริการดีมากค่ะ ของกินให้เยอะมาก (เกินไป) เก้าอี้นั่งสบายมากสำหรับคนไซส์เรา มีหนังใหม่ๆ ให้ดูด้วย เสียอย่างเดียวคือ ไม่มีซับไทย หรือแม้แต่ซับอังกฤษ เลยต้องฝึก listening ดูหนังกันไป ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ เรารู้แค่ว่าเครื่องบินออกจากสนามบินที่โฮห์จิมินห์ช้ากว่ากำหนดการ (ดีเลย์อีกแล้ว) ทำให้เราบินมาถึง Abu Dhabi โดยที่ตอนเครื่องลง เรามีเวลา 1 ชั่วโมงพอดีๆ ทั้งๆ ที่ควรมีเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ยังดีที่บนเครื่องบิน เราสามารถเช็คสถานะของไฟล์ทถัดไปของเราได้ว่า ขึ้นที่ Gate ไหน อยู่ตรงไหนของสนามบิน ซึ่งเราชอบมากค่ะ ทำให้เราคลายกังวลได้นิดหน่อย

เอาล่ะ เครื่องลงแล้ว แต่กว่าจะได้ลงจากเครื่องนั่งรถเข้าสนามบิน ก็เสียเวลาไปอีกเกือบ 20 นาที ตอนนี้เริ่มจะเครียดล่ะ เหลือเวลา 40 นาทีในการต่อเครื่องในสนามบินที่ไม่เคยมา เราเดินเข้าสนามบินปุ๊ป มีพนักงานยืนถือป้ายเลยว่า MXP Malpensa Milan (สนามบินที่เราจะไปลงที่ Milan) เราเลยรีบเดินไปหา เจ้าหน้าที่บอกทางให้ด้วยความรวดเร็ว ด้วยความที่เรามาคนเดียวมีของติดตัวแค่เป้เล็กๆ ใบเดียว เราเลยคล่องตัวกว่าคนอื่นมาก เราใช้เวลาตรวจ security แล้ววิ่งไป Gate ระหว่างที่วิ่งไป ก็ได้ยินประกาศ Last Call ไฟล์ทของเราไปพลาง ทำให้ยิ่งรีบกว่าเดิม ตอนที่ถึง Gate ตอนนั้นไม่มีคนแล้ว เรายื่น boarding pass ให้ แต่แสกนบาร์โค้ดแล้วผ่านเลย แอบคิดในใจว่า อ้าว ไม่ต้องเปลี่ยน boarding pass แฮะ เราวิ่งไปขึ้นรถบัสไปขึ้นเครื่อง ทั้งหมดเราใช้เวลาไปแค่ 20 นาที ตั้งแต่เดินเข้าสนามบิน

Abu Dhabi Airport

เราเจอคนไทยบนรถที่ไปขึ้นเครื่อง เค้าบินมาจากรุงเทพฯ มารอที่ Abu Dhabi 14 ชั่วโมงแล้ว เค้ารอเพื่อนเค้าอยู่ ส่วนเพื่อนเค้าบินมาจากเวียตนาม เค้าก็กังวลว่าเพื่อนเค้าจะมาไม่ทัน แต่เราบอกว่าเราก็มาไฟล์เดียวกับเพื่อนเค้า อีกไม่นานเพื่อนเค้าคงมา เราขึ้นเครื่องก็แอบกังวลเล็กๆ ว่า กระเป๋าเราจะตามเรามาทันหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วเครื่องก็รอคนค่ะ 555 แอบเสียใจเล็กๆ ที่เราแทบไม่เห็นอะไรในสนามบิน Abu Dhabi เลย

 

หาทางไปขึ้น EasyJet

เรามาถึง Milan ตอนเช้าตรู่ 7 โมงครึ่ง ตอนนี้อากาศที่ Milan 6 องศา ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตกมีเมฆมากตลอดเวลา ดีที่เราเอาเสื้อกันหนาว Ultra Light ของ Uniqlo มา ซึ่งมันม้วนได้เล็กมาก พกในเป้ได้สะดวก เอามาใส่กันหนาวอุ่นดีทีเดียว การผ่านตม. ในอิตาลี จะมีโซนของชาวยุโรป และโซนอื่นๆ ที่จะติดป้ายว่า All Passport หรือ Tutti Passaporti สามารถต่อได้ทุกแถวในโซนที่เขียนแบบนี้ แถวที่มีเจ้าหน้าที่จะมีไฟสีเขียวขึ้นไว้ คนเยอะมาก ต่อคิวอยู่หลายนาทีกว่าจะผ่านไปได้

IMG_8873-2

เครื่องเราลงที่ Terminal 1 ค่ะ เราเช็คตั๋ว EasyJet เขียนว่า เราต้องไปขึ้นเครื่องที่ Terminal 2 เอาล่ะ จากนี่ไปยังไง เห็นแต่ป้ายไปรถไฟใต้ดิน เราเลยเดินไปถามตำรวจ (Carabinieri หรือ Polizia) ด้วยภาษาอังกฤษปนอิตาเลียนแบบคืนครูไปแล้วของเรา เค้าบอกให้เราคงไปชั้นนึงแล้วออกไปข้างนอกจะมีป้ายรถเมล์อยู่ คือตำรวจพูดเป็นอิตาเลี่ยนนะคะแต่ยังดีที่เรายังฟังเข้าใจ สักพักเราก็เห็นป้ายเป็นรูปรถบัส เขียนว่า Terminal2 เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ก็จะออกไปข้างนอกก็เจอป้ายรถเมล์ค่ะ

IMG_8873

IMG_8855

เรายืนรอไม่นานมาก แต่ก็อากาศหนาวสำหรับเราอยู่ สักพักรถเมล์ก็มา รถ shutter bus ในสนามบินบริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ วิ่งระหว่าง 2 terminals ที่มีระยะห่างกันราวๆ 4 กิโลเมตร แต่นั่งรถไม่นาน สุดสายก็คือ Terminal 2 ค่ะ เห็นป้าย EasyJet ชัดเจนมาก เดินๆ ตามเค้าไปก็ถึง

IMG_8856

แทบไม่มีคิวเช็คกระเป๋าเลย (เราซื้อค่ากระเป๋าไว้) พอเช็คเสร็จ พนักงานบอกให้ไปที่ช่องเบอร์ 17 เพื่อเอากระเป๋าไปโหลดที่นั่น (แต่เช็คอินกระเป๋ากับนางแล้ว) ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน เพราะเป้แบ็คแพ็คเรามันรุงรังหรืออะไรสักอย่าง แอบไม่เข้าใจ แต่ก็แบกกระเป๋าไปเดินหา แต่ก็หาไม่เจอ เราเลยตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในเลย 555 ตามคาด มีพนักงานมาบอกว่า เข้าไม่ได้ เอากระเป๋าเข้าได้แค่ใบเดียวนะ (ตอนนั้นเรามีเป้แบ็คแพ็คกับเป้ใบเล็ก) เราเลยบอกว่า เราหาช่อง 17 ไม่เจอ เค้าเลยพาเราไปให้ ซึ่งช่อง 17 ที่ว่า อยู่ในโซนไร้ผู้คน ห่างไกล มีป้าย 17 เล็กๆ กับคุณลุงแก่ๆ นั่งอย่างเดียวดาย โอเคล่ะ โหลดกระเป๋าเรียบร้อย

IMG_8876

เครื่องลำนี้ดีเลย์ไปอีก 40 นาที นี่เจอแต่เครื่องบินดีเลย์ตลอด เรานั่งรอไปกินขนมปังที่เก็บมาจากบนเครื่องไป ประหยัดเงินดี ที่สนามบินมีไวไฟให้ใช้ 300 mb เราเลยติดต่อทุกคนอัพเดทว่าเราถึง Milan อย่างปลอดภัยแล้ว มาถึงจุดนี้ไม่ใช่แค่ไม่เหลือคนไทยแล้ว หน้าเอเชียแบบเรายังหายากเลย รู้สึกถึงความเป็นต่างด้าวอย่างเต็มตัวทีเดียว

เครื่อง EasyJet เราว่า แคบกว่า Airasia อีกนะคะ (อาจจะคิดไปเอง) ลำนี้ครอบครัวเยอะมาก เพราะเป็นวันอีสเตอร์พอดี กว่าเครื่องจะออกก็ดีเลย์กันไปอีก กว่าจะถึง Catania ก็เกือบจะบ่ายสองล่ะ

 

12 ปีผ่านไป สุดท้ายก็มาเจอกันอีกครั้ง

IMG_8952

บนเครื่องบินเมฆเยอะมาตลอดทาง แล้วอยู่ดีๆ ฟ้าก็เปิดตรงเกาะ Sicily ทำให้เราได้เห็นวิวภูเขาไฟ Etna กับเมือง Catania ที่สวยมากๆ สุดยอดไปเลย

เราออกมาจากสนามบิน Catania ก็เจอแฟมมิลี่รอรับเราอยู่ ตื่นเต้นมาก 12 ปีที่ไม่เคยเจอหน้ากัน ติดต่อกันนิดๆ หน่อยๆ เรากับ Patrizia (Host mom) กอดกันแน่นแล้วก็ทักทายกันแบบคนอิตาลี (เอาแก้มแตะกันสองข้าง) เราเกือบจะลืมวิธีการทักทายแบบนี้ไปแล้ว (ฮา) จริงๆ แล้วเราค่อนข้างโชคดีมากกับทริปนี้ค่ะ เพราะตอนจองตั๋วไม่ได้บอกแฟมมิลี่ก่อน เราจองไปเลยเพราะช่วงนี้เราหยุดงานได้ยาวๆ ซึ่งมาตรงกับอีสเตอร์พอดี แถมเป็นวันเดียวกับที่น้องสาวเรา (Danila) ที่พึ่งไปทำงานที่อังกฤษบินกลับมาพอดี นี่คือเหตุผลที่เราตัดสินใจบินลงใต้เลยทันที (แน่นอนว่าตั๋วที่บินมาจากมิลานแพงกว่าปกติ) เพราะเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในช่วงอีสเตอร์ ซึ่งเราตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ค่ะ เรามีความสุขมาก

หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อย น้องสาวเราก็แนะนำแฟนเค้าให้รู้จัก ชื่อว่า Michele คบกับน้องเรามา 10 ปีแล้ว นานมาก Michele เป็นคนขับรถมากับ Patrizia มารับพวกเรา น่ารักมาก จากนั้นพวกเราก็นั่งรถไปเมือง Caltanissetta กันค่ะ เป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางของเกาะ Sicily นั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ จาก Catania อยากบอกว่าวิวระหว่างทางสวยมาก เสียดายที่กระจกรถเค้าสกปรกไปเลยถ่ายรูปสวยๆ มาไม่ได้เลย ดูรูปปจากกระจกหน้ารถไปก่อนละกันค่ะ

IMG_8974

 


 

Part หน้า จะมาต่อเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนอิตาลี อาหารการกินและการใช้ชีวิตค่ะ (นี่มาเที่ยวนะ)