1 ปี กับการวิ่งที่กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิต

Posted by in Life & Journey, Running


ถ้านับตั้งแต่ลงงานวิ่งงานแรก นี่ก็จะครบ 1 ปีแล้วค่ะ จริงๆ เราเริ่มวิ่งมาก่อนหน้านั้นหลายปีแล้ว แต่เป็นการวิ่งขำๆ และออฟฟิสอยู่ใกล้สวนลุม การวิ่งเลยเป็นกีฬาที่แทบไม่มีต้นทุนสำหรับเรา ยกเว้นค่ารองเท้าวิ่ง ปีทีผ่านมาทั้งปีเราวิ่งไปทั้งหมดราวๆ 417 กิโลเมตรค่ะ ไม่ถึงเป้า แต่ก็ภูมิใจ

 

เราเริ่มลงงานวิ่งงานแรกคือ Thailand North Face 100 ปี 2014 ที่เขาใหญ่ ตอนต้นกุมภาพันธ์ปีก่อน พอดีมีญาติมาชวนไปด้วยกัน เหตุผลที่ลงคือ หาเรื่องไปเที่ยวเขาใหญ่ค่ะ และด้วยความที่ญาติที่มาชวนเค้าจองที่พัก หาของกินให้หมด เราไม่ได้ออกเงินอะไรเลย เลยจัดไปแบบสิ้นคิดมากๆ ที่ระยะมินิ (10km) ตอนนั้นคิดว่า วิ่งไม่ไหวก็เดินเอา แล้วจะได้เที่ยวให้หนำใจค่ะ จุดประสงค์คือการเที่ยวล้วนๆ 555

running-1-2

ลงวิ่งครั้งแรกตื่นเต้นมาก ด้วยความที่ไม่รู้ ก่อนไปวิ่งเราคิดว่าวิ่งบนถนนด้วยซ้ำค่ะ (ช่างอ่อนหัดจริงๆ) ไปเจอทางจริง เลยเข้าใจว่า Trail Running เป็นยังไง ทางลำบากเหมือนเวลาไปเดินป่าค่ะ ยังดีที่เราเดินป่าปีนน้ำตกบ่อย เรื่องลงเท้าทางชันที่ขรุขระเลยพอมีสกิลอยู่ เราก็ผ่านระยะ 11.3 km มาได้ด้วยเวลา 1.29 ชั่วโมง จำได้ว่าความรู้สึกตอนเข้าเส้นชัยมันฟินมากๆ จนเราตั้งใจว่าจะลงงานวิ่งอีก

หลังจากนั้นเราก็ซ้อมวิ่งสวนลุมมาเรื่อยๆ ไม่มีใครมาวิ่งด้วยก็มาคนเดียวค่ะ เราวิ่งจนไม่มีใครมาวิ่งกับเราด้วย เพราะเราเริ่มวิ่งยาว 5555 เราเริ่มซ้อมวิ่งที่ระยะ 8 km เป็นปกติ แล้วก็หยุดวิ่งไปช่วงมีม๊อบที่สวนลุม พอหมดช่วงนั้นก็ค่อยได้กลับมาวิ่งค่ะ

photoGridImage

พอเรากลับมาวิ่ง ก็มีเพื่อนที่เค้าวิ่งอยู่เหมือนกัน มาชวนลงงานโน้นงานนี้ จนเราลงไป 4-5 งานรวด เลยมีคิววิ่งยาวไปจนถึงปลายปี ตกเดือนละ 1- 2 งาน ตอนนั้นคือมั่นใจว่า ถ้าเป็นระยะมินิยังไงก็วิ่งถึงค่ะ แล้วเพื่อนคนนี้ก็มาชวนลงฮาล์ฟงาน Bangkok Marathon ที่ถือว่าเป็นงานวิ่งใหญ่ของกรุงเทพ ตอนนั้นเหลือเวลาอีกราวๆ 100 วันจะถึงวันงาน ด้วยความที่เห็นว่ามีเวลาเหลืออีกตั้ง 3 เดือนกว่าแนะ บวกกับคิดว่า เฮ้ย ถ้ามัวแต่กลัว แล้วเมื่อไหร่จะได้ทำกันแน่ เราก็เลยตัดสินใจลองอัพระยะดูค่ะ ลงระยะฮาล์ฟ 21 km ไป แบบก็ไม่มั่นใจว่าคิดถูกมั้ย แต่เอาวะ! ยังมีเวลาให้ซ้อมมากมาย

ไปๆ มาๆ เราดันติดเที่ยวจนไม่มีเวลาซ้อมยาวเท่าไหร่ คือวิ่งได้แค่ 12 km ก็หมดแรงล่ะ เราพยายามซ้อมวิ่งได้ยาวสุดก็แค่ 17 กิโลในสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงงาน Bangkok Marathon พอถึงวันงานคิดอย่างเดียว ยังไงก็ถึงน่า เวลาไม่ต้องสนใจ เอาให้เข้าเส้นชัยก็พอ เราวิ่งช้าๆ คุมจังหวะหัวใจไปเรื่อยๆ เจ็บก็ยืดเส้นระหว่างทาง เดินบ้าง กินกล้วยบ้าง สุดท้ายก็จบค่ะ ด้วยเวลา 2.55 นาที ดีใจมาก ถึงมากที่สุด ไม่เคยคิดว่าจะวิ่งผ่านระยะนี้ได้จริงๆ

Photo 1-24-3101 BE, 01 54 15

หลังจากนั้นเราก็ลงวิ่งมินิอีกงาน แล้วก็เริ่มเจ็บส้น เลยต้องหยุดพักงดงานวิ่งไปงานนึงทั้งๆ ที่สมัครไปแล้ว เพราะกลัวว่าจะเป็นเรื้อรัง เลยพักวิ่งไปเลยค่ะ เกือบ 2 สัปดาห์ พอพ้นปีใหม่ ก็มาจบที่งาน Columbia Trail Master ที่เขาไม้แก้วพัทยา เป็นงานที่เราอยากมามาก และตั้งใจว่า ต่อให้เจ็บ ก็ต้องจบให้ได้ค่ะ (หมายถึงเข้าเส้นชัย) สรุปว่างานนี้ เป็น Trail running ที่เราชอบมากค่ะ แม้ว่าทางวิ่งจะโหดมากกว่างานของ North Face เพราะมันต้องขึ้นเขาสูงมาก และทางลงก็ชันมาก แต่สนุกมากกว่า สุดท้ายเราก็จบปีแรกของการวิ่งของเราด้วย Trail ค่ะ (นับเริ่มต้นที่กุมภา)

เราตั้งใจว่าเราจะวิ่งไปเรื่อยๆ ค่ะ ตอนนี้เป้าหมายคือ อยากจบมาราธอน ก่อนอายุ 30 เพราะอยากได้เบอร์ที่เป็นรุ่นอายุ 16-29 ปี 55 ดูเด็กดี ส่วนระยะยาว เราอยากวิ่งมาราธอนไปเรื่อยๆ ค่ะ อยากวิ่งให้ได้เรื่อยๆ จนถึงอายุ 60 เลย ถ้าได้มากกว่านั้นก็ดี

photoGridImage4

 

หลายๆ คนถามว่า วิ่งไปทำไม

มีหลายคนที่มาถามว่า ทำไมต้องวิ่งมาราธอน ทำไมต้องวิ่งไกลๆ บ้าหรือเปล่า ทำร้ายตัวเองชัดๆ จริงๆ เราว่า ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ค่ะ เราก็ไม่ปฎิเสธนะว่า บางทีก็รู้สึกเหมือนทำร้ายตัวเอง (เจ็บเข่าบ้าง ส้นบ้าง) แต่สำหรับเรา ถ้ามันไม่สนุกก็ไม่อยากทำค่ะ แน่นอนว่า ถ้าวิ่งเพื่อลดน้ำหนักมันสนุก เราคงผอมไปนานแล้ว ถึงเริ่มแรกที่วิ่ง ก็เพราะอยากลดน้ำหนักก็เหอะ แต่พอถึงจุดที่เริ่มจริงจัง เราก็พบว่า การวิ่งช่วยให้เราคลายเครียดค่ะ พอวิ่งแล้วสมองมันโล่งดี เหมือนเราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ดูจังหวะเท้า จังหวะหายใจ คิดอยู่แค่นี้ มันก็ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่นๆ พอเราวิ่งได้ตามเป้า ก็ทำให้รู้สึกดีอีกต่างหาก

ถ้าจะถามอีกว่า ทำไมต้องลงงานวิ่ง คือ มันได้อีกอารมณ์จริงๆ ค่ะ เวลาวิ่งในงานวิ่ง เรามักจะมีอารมณ์ร่วมมากกว่าปกติ เพราะมีคนวิ่งกับเราเยอะแยะเลย บางงานมีกองเชียร์อีกต่างหาก ทำให้เราตื่นเต้น แล้วก็มีพลังกว่าปกติค่ะ แล้วเราก็ชอบโมเม้นที่เหมือนเราเอาชนะตัวเองได้ค่ะ มันรู้สึกว่า โห เราทำได้แฮะ ไม่น่าเชื่อ จุดนี้ให้พลังชีวิตกับเรามากๆ จนเราอยากที่จะท้าทายตัวเองอีก ว่าเราจะวิ่งไปได้ดีแค่ไหน ได้นานแค่ไหน ได้ไกลแค่ไหน ตราบใดที่เราวิ่งแล้วเรามีความสุข เราก็จะวิ่งต่อไปค่ะ

มาถึงตอนนี้ ให้ย้อนกลับไปปีก่อนที่จะวิ่ง แล้วบอกตัวเองได้ว่า “เฮ้ย แกน่ะวิ่ง 21 km ได้นะ” ก็คงไม่เชื่อหรอกค่ะ 5555 จุดนั้นไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะมาจริงจังกับการวิ่ง รู้สึกว่า ชีวิตมันมหัศจรรย์ดีค่ะ อย่าให้ความคิดมาปิดกั้นตัวเอง ลงมือทำมันไปเลย

ขอปิดท้ายด้วยรูปเหรียญที่ได้มาจากการวิ่ง 1 ปีที่ผ่านมา

Medals

จะวิ่งก็ดี จะปั่นจักรยานก็ดี จะว่ายน้ำก็ดี กีฬาอะไรก็ได้ ล้วนทำให้เราแข็งแรง มาออกกำลังกายกันเถอะค่ะ