Freezy Trip: Day3 ชมเมืองฮาร์บิ้น ก่อนนั่งรถไฟไปปักกิ่ง

Posted by in Life & Journey, Travel

ห่างหายกันไปนานหลายเดือน กลับมาเล่าเรื่องเดิมต่อค่ะ หลังจากตะลุยเที่ยวร่วม 4-5 ทริปติดกันทำให้เกิดอาการนอยอย่างอย่างประหลาด ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากไปไหน เหมือนจะเอียนเที่ยวไปเลย แฮะๆ – -”

มาต่อกันเต๊อะ

_____________________________

วันนี้เราอยู่ฮาร์บิ้นเป็นวันสุดท้ายแล้ว เราตื่นขึ้นมาก็จัดการเช็คเอาท์โรงแรมกันก่อนเลย แต่ก็ยังฝากกระเป๋าไว้กับโรงแรมอยู่ เพราะคืนนี้เราจะจับรถไฟเที่ยว 3 ทุ่ม ไปปักกิ่งกันต่อ ระหว่างนี้ เราก็แบ่งกลุ่มเที่ยวกันแบบเมื่อวาน คือมีพวกเรา 4 คน ไปเที่ยวกันเองในเมือง ส่วนคนที่เหลือ เค้าจะนั่งรถไปดู Snow World ที่เราไปมาเมื่อวานกัน เพราะว่า เมื่อวานเค้ายังไม่ได้ไปกันเลย เราแอบเสียดายนิดๆ เพราะวันนี้ท้องฟ้าเปิด น่าจะถ่ายรูปสวยกว่าเมื่อวานมากๆ แต่จะให้ยอมจ่ายค่าเข้าราคาแสนโหดอีกรอบก็คงไม่เอาค่ะ ฮือ ฮือ T^T

วันนี้เราเที่ยวกันชิวๆ ค่ะ เริ่มด้วยไปนั่งวางแผนกันในร้านกาแฟในห้างก่อน ห้างที่นี่ไม่ได้ต่างกับห้างบ้านเราเลย ที่ต่างก็คงเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำในจีนเราสังเกตแล้วว่าเค้าจะใช้ระบบ เซ็นเซอร์กดชักโครกอัตโนมัติ ซึ่งไม่ค่อยคุ้นชินกับนิสัยของคนไทยเท่าไหร่ เราเองแรกๆ ก็พยายามหาปุ่มกดชักโครกค่ะ แต่สุดท้ายพอยืนห่างออกมาหน่อยระบบก็ทำงานของมันเอง แบบไม่เกเรเหมือนระบบที่เจอในบ้านเรา เราเดาว่า คงเพราะว่าคนจีนเค้าไม่กดชักโครกกันค่ะ เลยต้องใช้ระบบแบบนี้ ในขณะที่บ้านเราระบบอัตโนมัติมันใช้ความรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรให้มันเสร็จเรียบร้อยลงไป เลยมีปุ่มให้กดกันเองค่ะ พูดถึงเรื่องห้องน้ำ อย่าหาว่าอุบาทว์หรืออะไรเลยนะคะ เวลาจะปลดทุกข์แต่ละทีมันลำบากมากๆ ค่ะ เพราะเราล่อใส่กางเกงไปตั้ง 3 ชั้น ถ้ารวมชั้นในก็ 4 ล่ะ แบบว่า กว่าจะถอด กว่าใส่ เสียเวลาไม่น้อยเลย รู้สึกได้เลยว่า ไทยแลนด์เนี่ย มันสะดวกสบายจริงๆ น้า

วันนี้เราวางแผนกันว่า เราจะไปเดินช็อปปิ้งที่ถนนคนเดิน ไปดูและเล่นกิจกรรมตรงแม่น้ำค่ะ ส่วนตอนค่ำก่อนขึ้นรถไฟ เราจะไปถ่ายรูปโบสถ์ Saint Sophia ตอนที่เค้าประดับไฟแล้ว ก่อนลาเมืองนี้ไป เพราะตั้งแต่มาเห็นโบสถ์ตอนประดับไฟหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเลยสักที ก็ต้องไปเก็บสักหน่อยล่ะ

NewYearTrip55-56_0536

ZhongyangStreet

 

 

เราเดินเที่ยวเล่นบนถนนที่เรียนกว่า Central Street ของฮาร์บิ้น ซึ่งตอนนี้เค้าปิดให้เป็นถนนคนเดิน(เราไม่ทราบว่า หน้าอื่นเค้าเปิดให้รถวิ่งหรือเปล่านะคะ) ถนนนี้เป็นเส้นช็อปปิ้งหลักของเมืองนี้ ช่วงนี้ของปีจะมีรูปน้ำแข็งแกะสลักวางเป็นระยะๆ เอาไว้ให้พวกเราไปถ่ายรูปเล่นกัน สนุกสนานดีค่ะ ในฐานะเป็นคนเมืองร้อน คงไม่มีโอกาสได้เล่นกับก้อนน้ำแข็งยักษ์ กลางแดดเปรี้ยงๆ (ที่ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นเลย) แน่ๆ แถมพอเอามือเปล่าจับ ยังให้ความรู้สึกเหมือนเรซิ่นอีก (เป็นเพราะอากาศที่แห้ง + หนาวมากๆ) พวกเรา 4 คนตกลงกันว่า หนาวก็พัก อยากเดินก็เดินต่อ ไม่เน้นทรมานค่ะ เพราะเมื่อวานเจอที่โหดมาแล้ว เข็ดค่ะ

IceSnack

เราลองซื้อสตรอเบอร์รี่เชื่อมมากินค่ะ เดินไปแทะไป อร่อยดีค่ะ แต่ทำร้ายฟันและเหงือกกันมากๆ เพราะแค่มันเย็นยังไม่พอ มันแข็งมากด้วย T^T มันคือการเอาสตรอเบอร์รี่แช่แข็งไปแช่น้ำเชื่อมแล้วเอาไปแช่แข็งอีกทีนึง (o_o) สุดท้ายก็กินไม่หมดค่ะ หมดพลังที่จะกัดมันซะก่อน

Icy

เราเริ่มโดนอากาศหนาวทำร้ายผิวหน้าแล้วค่ะ กลัวว่ามันจะกัดจนครีม SKII ก็ช่วยไม่ได้ เลยไปหาซื้อผ้าปิดปากและจมูกมาใช้ เราซื้อมา 20 หยวนค่ะ ไม่รู้ได้ถูกหรือแพง แต่คิดว่าคุ้มค่ะที่ซื้อมา ตอนนี้ส่วนที่ผ่านมาโดนอากาศมีเพียงแค่บริเวณรอบดวงตาเท่านั้นเอง กลายร่างเป็นโจร 500 ไปโดยปริยาย ตอนเดินผ่านแบงค์ ยังคุยกันเล่นๆ เลยว่า เราเข้าไปปล้นแบงค์กันเถอะ ชุดพร้อมซะขนาดนี้ 555

Songhuariver

พวกเราเดินลัลล้ากันไปเรื่อยๆ ไปจนถึงริมแม่น้ำส่วนที่เป็นจุดศูนย์กลางของการเล่นอะไรต่างๆ ที่เราเดินมาไม่ถึงเมื่อวาน (และเดินข้ามแม่น้ำกันไปก่อน) เราเดินไปเล่นบนแม่น้ำกัน ดูเด็กๆ เล่นลูกข่างบ้าง เลื่อนบ้าง ขี่ม้าบ้าง เลื่อนสุนัขบ้าง สนุกสนานดีค่ะ ส่วนเราไม่ได้สนใจเล่นอะไรพวกนี้หรอกค่ะ 555 ยืนๆ ตอนแรกเราตั้งใจว่า จะเดินดูทั่วๆ และอยู่บนแม่น้ำให้นานกว่านี้ แต่วันนี้มันหนาวกว่าเมื่อวานมากๆ เลยค่ะ หนาวขนาดที่ไอน้ำที่เกิดจากการหายในเกาะผ้าที่ปิดจมูกเป็นหยดน้ำแข็ง น้ำค้างติดที่ขนตาก็เป็นหยดน้ำแข็งเหมือนกัน เมื่อวานไม่มีอะไรแบบนี้เลยค่ะ ยืนกันได้สัก 5-10 นาที ก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว เลยชวนน้องเดินขึ้นฝั่งกัน แบบว่าใกล้แข็งตายมากๆ เรายังจำที่พี่สาวบอกได้ค่ะว่า ตอนหิมะตกมันจะไม่หนาวเท่าหลังหิมะตก เราพึ่งเชื่อวันนี้แหละค่ะ

Saintsofia

เราย้อนกลับมาทางถนนเส้นเดิม ตอนนี้ใกล้มืดแล้วค่ะ ทั้งๆ ที่ตอนนี้แค่ราวๆ 4 โมงเย็นเท่านั้นเอง พี่ที่เดินด้วยกันเค้าบอกว่า จะพาไปกินร้านเหลาในเมืองกัน ใกล้ๆ โบสถ์ Saint Sophia ไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยไปถ่ายรูปกัน จริงๆ เราก็ยังไม่ค่อยหิวค่ะ แต่พี่ๆ เค้าหิวแล้วล่ะ

เราไปยังร้านที่ชื่อว่า ball King ค่ะ ตามชื่อร้าน น่าจะมีชื่อด้านเกี๊ยว พวกเรามากันเป็นเจ้าแรกๆ ของร้านเลยค่ะ เพราะยังไม่มีคนเลย นั่งไปไม่นาน คนก็แน่นร้านพวกเราสั่งอาหารกันแบบจิ้มมั่วๆ ไปบนเมนู ดันไปจิ้มเอาแถวที่เป็นเกี๊ยวไส้ต่างๆ เลยได้มาเกี๊ยวหลากชนิด มากินเต็มโต๊ะ ยังดีที่แอบมองโต๊ะข้างๆ สั่งอะไรแปลกๆ มาบ้าง ถึงจะกินเกี๊ยวจนเอียน แต่ก็อร่อยดีค่ะ ราคาไม่แพง เป็นมื้อกินอิ่มมื้อสุดท้าย ก่อนจากเมืองนี้ไป ตอนออกเราก็เห็นโรงงานปั้นเกี๋ยวนรก ปั้นกันไม่หยุดให้พวกเราดูอยู่ในตู้กระจกด้วย

เราไปทนความหนาวยามค่ำคืนถ่ายรูปที่โบสถ์กันอีกรอบ คราวนี้อยู่นานไม่ไหวค่ะ เพราะวันนี้อากาศหนาวจริงๆ ทำเวลาได้ดีมากๆ แล้วเราก็รีบกลับไปนั่งรอคนอื่นๆ ที่โรงแรมก่อนไปขึ้นรถไฟกัน

HarbinTrainStation

พวกเรานั่ง taxi มาที่สถานีรถไฟที่ห่างจากโรงแรมไม่ไกลมาก ที่นี่ก็หนาวมากเหมือนกัน เรามาถึงตั้งแต่ 2 ทุ่ม แต่กว่ารถไฟจะออกจริงๆ ก็ 3 ทุ่มกว่า เราต้องแลกใบจองกับตั๋วกันก่อน หลังจากแลกตั๋วกันเรียบร้อยแล้ว ก็หาทางไปขึ้นรถไฟกัน เราเดินกันไปแบบงงๆ งมๆ แต่ก็ไปถึงได้ไม่ยากนัก เก้าที่นั่งรอที่นี่เป็นเหล็ก!!! หนาวค่ะ หนาวจริงๆ คนก็เยอะ มีชาวจีน ชาวรัสเซียเต็มไปหมด ยังดีที่หน้าตาพวกเรากลมกลืนกับคนจีนบ้าง เลยดูไม่เป็นกระเหรี่ยงเท่าไหร่ ที่นี่ไม่มีประกาศเรียกขึ้นรถไฟเป็นภาษาอังกฤษ เราเลยต้องพึ่งน้องอ๊าฟที่ฟังจีนได้เอา (จริงๆ ก็ฝึกฟังเสียงตัวเลขจีน แล้วจับเอาก็ไม่ยากค่ะ) แล้วเราก็เดินทางขึ้นขบวนรถไฟ โบกมือลา เมืองสุดหนาวที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกมั้ย ลาก่อน ฮาร์บิ้น

ขบวนรถไฟไปปักกิ่งเที่ยวนี้เป็นตู้นอนค่ะ แบ่งเป็นห้องๆ แบบตู้นอนชั้น 1 บ้านเรา 1 ตู้มี 4 เตียง ข้างล่าง 2 เตียง ข้างบน 2 เตียง บันไดขึ้นชั้น 2 ค่อนข้างปีนยากค่ะ แต่ก็ไม่เกินกว่ากำลังเท่าไหร่ แต่คนแก่ คนตัวเล็กหรือคนไม่แข็งแรงปีนยากค่ะ (เราสูง 158 cm. ก็พอปีนไหวค่ะ) แต่รถไฟตู้นอนชั้น 2 เมืองไทย ปีนง่ายกว่าเยอะ เพราะที่ปีนที่นี่มันมีให้แค่ขั้นเดียว!! รถไฟที่นี่ มีที่วางของค่อนข้างแคบ กระเป๋าเข็นไซส์กลาง ยังยัดไม่ลงเลย พวกเราเลยต้องวางไว้ตรงทางเดินทาง ตู้รถไฟมีฮีทเตอร์ให้ เลยไม่หนาวอะไร ค่อนข้างจะร้อนด้วยซ้ำ แถมผ้านวมก็ทั้งหนาทั้งหนัก เลยใส่เสื้อหนาวนอนเอาดีกว่าเยอะเลย

เนื่องจากรถไฟนี้ไม่มีตู้เสบียง เราเลยเตรียมอาหารกันมาเองเรียบร้อย กินกันไปตรงทางเดินนี่แหละ พวกเราไปซื้อกันมาก่อนที่จะออกจาก ฮาร์บิน อาหารก็เหมือนในห้างบ้านเรานี่แหละค่ะ ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก

พรุ่งนี้เช้าเราก็จะถึงปักกิ่งล่ะ อิอิ